บทที่ 4 ระบบสารสนเทศทางการบัญชีและกระบวนการทางธุรกิจ
( Accounting information systems and business )
( ที่มารูปภาพ : http://www.bangkokkij-accounting.com/ )
ปัจจัยสำคัญของการบริหารนั้นประกอบไปด้วยสิ่งสำคัญ 4 ประการ นั่นก็คือ มนุษย์, เงินทุน, วัสดุอุปกรณ์ต่าง, และการบริหารจัดการ ใน 4 ประการนี้ส่วนที่มีความสำคัญที่สุดเห็นจะเป็นมนุษย์นั่นเอง เพราะนี่คือทรัพยากรที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์มากที่สุดในการบริหารจัดการแต่ละองค์กร บุคคลที่มีศักยภาพย่อมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้องค์กรพัฒนาได้อย่างมีศักยภาพในคราวเดียวกันด้วย การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้องค์กรเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไม่สะดุดใดๆ หน้าที่ในการบริหารจัดการบุคคลนี้ถือว่าเป็นภารกิจสำคัญอย่างยิ่งสำหรับฝ่ายทรัพยากรบุคคล ซึ่งการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพ
การพิจารณาบทบาทหน้าที่และการควบคุมการทำงานของบุคลากรให้ทำงานอย่างเต็มศักยภาพ
กระบวนการแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
1. ระยะการคัดเลือกหรือได้มาซึ่งทรัพยากรมนุษย์ ในกระบวนการนี้มีกิจกรรมสำคัญอยู่
4 ขั้นตอน ได้แก่
1.1
ขั้นตอนการวางแผน เริ่มจากกำหนดอัตรากำลังทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
การคำนวณจำนวนบุคลากรที่จะรับตามกรอบอัตรากำลัง การจัดทำประวัติบุคลากร
การประเมินความเปลี่ยนแปลงของอัตรากำลัง เช่น
ลาออก โอน ย้าย หรือเกษียณ และการวางแผนพัฒนาทรัพยากร เช่น
ให้การศึกษาอบรมเพื่อเพิ่มทักษะ
1.2 ขั้นตอนการสรรหา เป็นการประกาศเชิญชวนผู้สนใจให้มาสมัคร
และอาจสรรหาจาก ทรัพยากรภายในองค์การหรือภายนอกองค์การก็ได้
แต่ต้องให้เหมาะสมกับหน้าที่งาน กระบวนการสรรหา เริ่มจากการสอบแข่งขัน การสัมภาษณ์ หรือวิธีการอื่นๆ
ตามที่กำหนดไว้
1.3
ขั้นตอนการคัดเลือก วิธีการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานจะมีหลายรูปแบบหลักๆมักจะเป็นการ วัดความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานในตำแหน่งนั้นๆ
เช่น การตรวจสอบประวัติจากเอกสาร การ สัมภาษณ์ การทดสอบความรู้ การทดสอบภาคปฏิบัติ และการทดสอบทางจิตวิทยา
1.4 การปฐมนิเทศ
คือ การแนะนำให้เข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรระบบการทำงาน
2.
ระยะการควบคุมดูแลและรักษาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างปฏิบัติงานในองค์กร ประกอบด้วย
การประเมินผลงาน การจัดวางคน การฝึกอบรมและพัฒนา ระเบียบวินัย การบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการ
การช่วยเหลือให้คำปรึกษา การดูแลสุขภาพและความปลอดภัย
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ทรัพยากรมนุษย์สามารถทำงานได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
3. ระยะสุดท้าย คือการพ้นจากงาน การจัดสวัสดิการตอบแทนหลังเกษียณหรือการพ้นจากงานในกรณีอื่นๆเช่นการเลิกจ้าง
วัตถุประสงค์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์
การบริหารทรัพยากรมนุษย์
มีวัตถุประสงค์สำคัญที่จะช่วยขยายบทบาทหน้าที่งานด้านทรัพยากรมนุษย์ให้มีขอบข่ายของการปฏิบัติที่กว้างขึ้น
เพื่อครอบคลุมดูแลการปฏิบัติภารกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรและองค์การ ดังนี้
1. เพื่อช่วยให้บุคลากรใช้ทักษะ
ความรู้ ความสามารถปฏิบัติงานของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพื่อช่วยองค์การดำเนินงานบรรลุผลตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
2. เพื่อช่วยคัดสรรบุคลากรที่มีคุณภาพ
และมีแรงจูงใจใฝ่หาผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับสูงเข้ามาปฏิบัติงาน
3. เพื่อยกระดับความสามารถ
และสร้างความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของบุคลากร
4.
เพื่อพัฒนา และธำรงรักษาบุคลากรที่มีคุณค่าให้ปฏิบัติงานในระดับที่พึงปรารถนาขององค์การ
นอกจากนี้ วัตถุประสงค์ของการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในภาพรวมยังสามารถตอบสนองความต้องการในระดับต่างๆ
ได้ดังนี้
1. สนองความต้องการระดับสังคม ( Society’s Requirment ) โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่สังคมจะได้รับ
ให้บุคลากรทุกคนมีความเป็นอยู่อย่างเหมาะสม มีงานทำมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ
ตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้มีความเป็นผู้นำที่ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และเป็นที่ต้องการของสังคม
2. สนองความคาดหวังระดับการบริหารขององค์การ
( Management’s ) ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ องค์การมีความคาดหวังที่จะได้บุคลากรที่มีศักยภาพในการปฏิบัติงานอย่างแท้จริง
ซึ่งจะส่งผลทำให้องค์การเจริญเติบโตก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นงานด้ายการบริหารทรัพยากรมนุษย์
จึงต้องตระหนักภาระหน้าที่ที่สำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดคนเข้าทำงาน
โดยดูแลตั่งแต่ก่อนเข้าปฏิบัติงาน ระหว่างปฏิบัติงาน และหลังปฏิบัติงาน
เพื่อสร้างความมั่นใจ ความศรัทธา ให้แก่บุคลากรทุกคนที่จะเข้ามาร่วมงาน
และสร้างความแข็งแกร่งให้องค์การต่อไป
3. สนองความต้องการระดับผู้ปฏิบัติงาน
( Employee’s Need ) องค์การจะต้องตระหนักเสมอว่า
บุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงานทุกคนต่างมุ่งหวังที่จะมีวิธีการดำรงชีวิตที่ดีในสังคม
ครอบครัวมีความสุข สังคมยอมรับยกย่อง และมีขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน ดังนั้น
ฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์จึงไม่ควรละเลยต่อความต้องการพื้นฐานที่บุคลากรทุกคนควรจะได้รับ
เพราะ สิ่งเหล่านี้จะย้อนกลับมาสร้างความเจริญเติบโตให้แก่องค์การในท้ายที่สุด
ขอบเขตของการบริหารทรัพยากรมนุษย์
ขอบเขตของการบริหารทรัพยากรมนุษย์นั้นมีความกว้างและครอบคลุมหลายด้าน
ดังนี้
1.
ด้านบุคคล
การบริหารทรัพยากรมนุษย์เกี่ยวพันโดยตรงกับงานฝ่ายบุคคลส่วนต่าง ๆ เช่น
– การวางแผนเกี่ยวกับกำลังคนหรือการวางแผนทรัพยากรมนุษย์
–
การสรรหาบุคลากร
–
การคัดเลือกบุคลากร
–
การบรรจุหรือแต่งตั้งบุคลากร
–
การโยกย้ายบุคลากร
–
การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง
–
การฝึกอบรม ฝึกปฏิบัติการและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
–
การเลิกจ้างและการยุบตำแหน่ง
–
การจัดการบริหารค่าตอบแทน สวัสดิการและผลประโยชน์ที่พนักงานพึงได้
–
การสร้างแรงจูงใจด้วยการให้เงินเดือนขึ้น
–
การประเมินผลการปฏิบัติงานของบุคลากร
2.
ด้านสวัสดิการ
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดการสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน
และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ให้เอื้ออำนวยต่อการทำงานให้มากที่สุด เช่น
–
การดูแลโรงอาหาร ห้องพักกลางวัน ห้องอาหาร
–
การจัดการที่พักอาศัยให้กับพนักงาน
–
การจัดการด้านการคมนาคมขนส่ง
–
การอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์ เช่น ดูแลห้องพยาบาล
–
การจัดการการให้ทุน หรือส่งเสริมด้านการศึกษาให้กับพนักงาน
–
การจัดการบริหารค่าตอบแทนให้พนักงานอย่างเหมาะสม
–
การดูแลด้านสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
–
การจัดการสถานที่พักผ่อนหย่อนใจหรือจัดกิจกรรมสันทนาการให้กับพนักงาน
3.
ด้านความสัมพันธ์กับธุรกิจและองค์กร
การบริหารทรัพยากรมนุษย์ยังครอบคลุมถึงการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรกับองค์กรในด้านต่าง
ๆ เช่น
–
การส่งเสริมเรื่องแรงงานสัมพันธ์
–
การจัดการการประชุมระหว่างผู้แทนนายจ้างและผู้แทนลูกจ้าง
–
การจัดการการเจรจาต่อรองระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
– การจัดการเรื่องการร้องทุกข์ของบุคลากร
–
การดำเนินการเกี่ยวกับระเบียบวินัยของพนักงาน
– การจัดการการระงับข้อพิพาทระหว่างนายจ้างและลูกจ้างและพนักงานทั่วไป
กระบวนการผลิตประเภทใดที่ผู้ผลิตและบริษัทผู้ให้บริการใช้ในการวางแผนการผลิตการตัดสินใจครั้งแรกเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตประเภทใดวิธีสร้างสินค้าหรือบริการที่ดีที่สุดเหมาะสมกับเป้าหมายของบริษัทและความต้องการของลูกค้าการพิจารณาที่สำคัญคือประเภทของสินค้าหรือบริการที่กำลังผลิตเนื่องจากสินค้าที่ต่างกันอาจต้องการกระบวนการผลิตที่แตกต่างกันโดยทั่วไปการผลิตมีสามประเภท: การผลิตจำนวนมากการปรับแต่งจำนวนมากและการปรับแต่งนอกเหนือจากประเภทการผลิต
ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการยังจัดประเภทกระบวนการผลิตในสองวิธี คือ
1. วิธีการแปลงอินพุตเป็นเอาต์พุตและ
2. ระยะเวลาของกระบวนการ
การผลิตจำนวนมากผลิตสินค้าที่เหมือนกันจำนวนมากในครั้งเดียวเป็นผลิตภัณฑ์ของการปฏิวัติอุตสาหกรรม
รถยนต์Model-T ของHenry Ford เป็นตัวอย่างที่ดีของการผลิตจำนวนมาก
รถแต่ละคันเปิดออกโดยฟอร์ดโรงงานของนั้นเหมือนกันหมดไปจนถึงสีของมัน
หากคุณต้องการรถสีใดก็ได้ยกเว้นสีดำแสดงว่าคุณไม่มีโชค
สินค้ากระป๋องยาที่ขายตามเคาน์เตอร์และเครื่องใช้ในครัวเรือนเป็นอีกตัวอย่างของสินค้าที่ผลิตเป็นจำนวนมาก
ความสำคัญในการผลิตจำนวนมากคือการรักษาต้นทุนการผลิตให้ต่ำโดยการผลิตผลิตภัณฑ์ที่เหมือนกันโดยใช้กระบวนการที่ทำซ้ำและได้มาตรฐาน
เมื่อผลิตภัณฑ์มีความซับซ้อนในการผลิตการผลิตจำนวนมากก็มีความซับซ้อนมากขึ้น
กระบวนการทางการเงิน
กระบวนการทางการเงินหมายถึงวิธีการและขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์โดยสำนักงานการคลัง
พวกเขารวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะการเก็บรวบรวมข้อมูลการจัดทำงบประมาณการวางแผน
(การวางแผนเชิงกลยุทธ์กำไรขาดทุนและการวางแผนงบดุลการวางแผนทรัพยากรบุคคลการวางแผนทุนการวางแผนโครงการการวางแผนกำลังการผลิตและกำลังการผลิตการ
วางแผนการขายและการดำเนินงานเป็นต้น) การคาดการณ์
(การพยากรณ์ระยะยาวการคาดการณ์การหมุนการพยากรณ์กระแสเงินสดและอื่นๆ) การสร้างแบบจำลองการเงินปิดการรวบรวมการรายงาน
(การจัดการตามกฎหมายการเปิดเผย)
กลยุทธ์การผลิตและการดำเนินงาน
จะเน้นถึงความต้องการของลูกค้าที่สะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายระยะยาวขององค์การ
อาศัยความร่วมมือจากแผนกการตลาดและการผลิตที่จะทำการค้นหาความต้องการของลูกค้าละนำมากำหนดเป็นความได้เปรียบทางการผลิตการผลิตตามความต้องการของลูกค้าและปริมาณการผลิตมีความยืดหยุ่น
ซึ่งริทซ์แมนและกาจิวสกีจำแนกกลยุทธ์การผลิตเป็น 3 กลยุทธ์ ดังนี้
1.
การเก็บเป็นสินค้าคงคลัง
ธุรกิจมักจะมีการผลิตสินค้าเพื่อเก็บเป็นสินค้าคงคลังที่พร้อมส่งมอบแก่ลูกค้าทันที
เหมาะกับการผลิตสินค้ามาตรฐานที่มีการผลิตในปริมาณมาก
2.
การผลิตตามคำสั่ง เป็นการผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้าโดยผลิตเป็นล็อต
ในปริมาณน้อยการออกแบบกระบวนการผลิตแต่ละครั้งจะขึ้นกับความต้องการของลูกค้า
3.
การประกอบสินค้าตามคำสั่ง
เป็นการประกอบชิ้นส่วนมาตรฐานตามข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ที่ระบุไว้ในคำสั่งซื้อของลูกค้า
และนำมาซึ่งความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น